เคล็ดลับการช่วยให้ลูก ประสบความสำเร็จในการเรียน
ความสำเร็จในการเรียนนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนที่เด็กจะเข้าเรียนในโรงเรียน การเตรียมความพร้อมให้เด็กนั้น มีส่วนสำคัญมาก คุณพ่อคุณแม่หลายคน อาจจะมองหาโรงเรียนชื่อดังๆ ยอมจ่ายค่าใช้จ่าย เป็นเงินจำนวนมาก เพื่อให้ลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีๆ แต่นั่นไม่ใช่หลักประกัน หรือเป็นการเตรียมให้ลูกพร้อมในการเรียน ที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิต จะทำอย่างไรให้ลูกมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความอยากรู้อยากเรียน ปรับตัวเข้ากับเพื่อนฝูงได้ และกล้าแสดงออก ซึ่งมีข้อแนะนำ ในการเตรียมตัวลูก ตั้งแต่ตอนเล็กๆ ดังนี้คือ
-
ให้ลูกเห็นว่า คุณชอบการอ่านหนังสือ และหาเวลาอ่านหนังสือให้ลูก หรืออ่านหนังสือด้วยกัน
-
พยายามให้มีหนังสือต่างๆ ที่เด็กจะชอบอ่าน อยู่ในบ้าน
-
พยายามฝึกให้เด็กรู้จักช่วยตนเองในการทำสิ่งต่างๆ แทนที่คุณพ่อคุณแม่ จะพยายามทำสิ่งต่างๆ ให้เขาทั้งหมด การที่คุณเปิดโอกาสให้ลูกได้พยายามทำอะไรเองบ้าง แม้ว่าจะไม่ทันใจคุณ แต่ในเวลาไม่ช้าไม่นาน คุณก็จะได้เห็นผลดี ที่คุณได้ฝึกให้ลูก
-
คุณสามารถช่วยให้ลูก ทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองให้สำเร็จได้ง่ายขึ้น โดยการช่วยแบ่งขนาดของงานต่างๆ ให้เป็นส่วนๆ ที่เด็กจะทำให้สำเร็จได้โดยง่าย และปล่อยให้ลูกทำเอง ทีจะส่วน ซึ่งคุณสามารถนำมาใช้ กับเรื่องต่างๆ เช่น การแต่งตัวเอง การทำความสะอาดบ้าน การทำการบ้านที่ค่อนข้างมาก ฯลฯ
-
ฝึกลูกให้มีความสม่ำเสมอ ในการทำสิ่งต่างๆ โดยการจัดตาราง การทำงานต่างๆ ในบ้านโดยการร่วมกันทำตารางการทำงานต่างๆ กับลูก ทำบันทึกเป็นตาราง การทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน และช่วยกันทำ เมื่อถึงกำหนด
-
ควรมีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมในบ้าน ที่ลูกๆ และทุกคนทราบ และร่วมกันปฏิบัติ เช่น ไม่มีการเข้านอนโดยไม่อาบน้ำ แปรงฟัน ก่อนนอน, ไม่พูดคำหยาบ, ทานอาหารเสร็จแล้วต้องช่วยกันเก็บจาน ฯลฯ ซึ่งคุณควรจะคอยกำกับ ให้ลูกๆ ทุกคนยึดถือ และปฏิบัติตาม
-
ไม่ควรปล่อยให้ลูกดูทีวีได้ตามใจชอบ ควรมีการจำกัดเวลา และรายการทีวีที่ลูกจะดู เพื่อให้ลูกรู้จักการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ โดยการทำงานบ้าน ทำการทบทวนหนังสือ หรือแม้แต่พักผ่อน ออกกำลังกาย หรือใช้เวลาพูดคุยกันบ้าง ฯลฯ และในขณะที่ลูกดูทีวี คุณก็ควรจะใช้เวลา ดูทีวีด้วยกัน และ ช่วยให้ข้อคิดกับลูกบ้าง เมื่อคุณเห็นเรื่องต่างๆ ที่จะใช้เป็นแง่คิด มุมมอง ที่จะสื่อถึงการดำเนินชีวิต หรือการปฏิบัติตนที่เหมาะสม เพื่อเป็นการสอนลูกไปด้วยกลายๆ ซึ่งลูกจะได้ซึมซับ ความรู้สึกนึกคิดของคุณ ในแง่ต่างๆได้ง่ายขึ้น
การทำการบ้าน
การทำการบ้านที่คุณครูให้ลูกมาทำที่บ้านนั้น มีความหมายมากกว่าการที่จะมีการบ้านเสร็จ ในสมุดทันเวลาที่จะส่งคุณครู ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคุณควรที่ช่วยลูก ในการทำการบ้านได้ด้วยตนเอง ดังนี้
-
คุณควรเน้นกฎเกณฑ์ ที่ให้ลูกรู้ว่า การทำการบ้านนั้นเป็นความรับผิดชอบของลูก และจะต้องทำให้เสร็จเรียบร้อย โดยไม่มีข้อยกเว้น
-
ควรจัดหามุมสงบในบ้านที่ลูกแต่ละคน จะได้นั่งทำการบ้าน โดยไม่รบกวนกัน เพื่อที่ลูกจะได้มีสมาธิในการเรียน และทำการบ้าน
-
ในบางครั้ง คุณอาจจะอยากให้ลูกได้ทำกิจกรรมอื่นๆ ในช่วงเวลาว่างบ้าง เช่น การ เรียนดนตรี การเล่นกีฬา การออกไปทานข้าวนอกบ้านกัน ฯลฯ ซึ่งคุณควรช่วยลูกในการจัดตารางเวลาของเขา ให้เหมาะสมลงตัว ในแต่ละวัน โดยมีเวลาพอ ที่ลูกจะได้ทำการบ้านด้วย
-
ให้ลูกทราบว่าคุณมีความเชื่อมั่นในตัวเขา พยายามมองถึงความสำเร็จ ที่ลูกเคยทำได้มาแล้ว อาจจะเป็นการแข่งขันว่ายน้ำ การประกวดภาพวาด การร้องเพลง ฯลฯ หรือแม้แต่การพยายามทำงานที่ยากๆ ให้สำเร็จ และพูดให้กำลังใจแก่ลูก ในการทำงานต่างๆที่ยากขึ้นในอนาคต
-
อย่าคาดหวัง ให้ลูกทำงานได้สำเร็จอย่างดีเยี่ยมทุกครั้ง เมื่อลูกแสดงผลงานต่างๆ ที่เขาได้ทำ ให้คุณดู ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดง่ายๆ หรือการบ้านเลข คุณควรแสดงความสนใจในสิ่งที่เขาทำ และกล่าวชมเขาในสิ่งที่ดี ที่คุณมองเห็นว่าเขาได้ทำ และความพยายามที่เขาได้ลงแรงลงใจทำให้งานชิ้นนั้นได้สำเร็จ ถ้าคุณจะกล่าวคำแนะนำ หรือให้ความเห็นของคุณ ควรเลือกวิธีการพูดที่เป็นเชิงบวกและสร้างสรรค์ เพื่อช่วยให้ลูกมีกำลังที่จะทำต่อไป
การสอนลูกที่บ้าน
คุณพ่อคุณแม่ควรจะปลูกฝังความคิดที่ว่า การศึกษาหาความรู้นั้น เป็นช่องทางที่สำคัญ ที่จะทำให้ลูกได้มีโอกาส ที่จะประสบความสำเร็จ และ มีอนาคตที่ดีในชีวิตข้างหน้าของเขา ซึ่งมีข้อแนะนำ ดังนี้คือ
-
คุณต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง จงยึดหลักว่า คุณจะทำในสิ่งที่คุณพูดสั่งสอนลูก ถ้าคุณจะให้ลูกรักการอ่าน การทำงาน คุณก็ต้องทำตัวให้ลูกเห็น ไม่ใช่ว่า สั่งให้ลูกดูหนังสือห้ามดูทีวี แต่ตัวคุณเองนั่งดูแต่ละครทีวี หรือบังคับให้ลูกต้องทำการบ้านให้เสร็จ แต่ตัวคุณเองไม่เคยทำงานที่ต้องรับผิดชอบได้เสร็จเลย ฯลฯ
-
ควรพูดถึงเรื่องการเรียนรู้ ว่าคนเราสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ทุกวันตลอดเวลา และแสดงให้ลูกเห็นว่า คุณเองก็มีความใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาเรื่องต่างๆ เช่นกัน
-
พยายามทำการเรียนรู้ร่วมกันกับลูก ให้เป็นเรื่องที่น่าสนุก เช่น การ เล่นเกม อ่านหนังสือสนุกๆด้วยกัน และฝึกตั้งคำถาม ฯลฯ แม้แต่การเล่าเรื่องต่างๆ จากที่ทำงานของคุณให้ลูกฟัง และสอดแทรกแง่คิด สิ่งที่น่าเรียนรู้เข้าไว้ด้วย ก็จะเป็นประโยชน์กับลูกได้มาก
-
นอกจากการให้เด็กได้เรียนรู้ โดยการอ่านหนังสือ หรือทำการบ้านเองอย่างเงียบๆ บนโต๊ะของเขาแล้ว เด็กๆ ควรได้หัดที่จะเรียนรู้อย่าง “active learning” ด้วย
วิธีการฝึกให้ลูกมีการเรียนรู้อย่าง "active learning" เช่น
-
ให้เด็กได้ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยการลงมือทำเองบ้าง (เช่น การทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆที่บ้าน ย่อมน่าตื่นเต้น กว่าการเอาตำราวิทยาศาสตร์มาอ่านเอง) ควรฝึกให้ลูกได้คิดตั้งคำถาม และฝึกหาคำตอบ ในเรื่องต่างๆ แม้ว่าบางครั้ง คุณหรือเขาจะเป็นผู้ตอบ ก็อย่าปล่อยให้โอกาสของการเรียนรู้ ผ่านไปง่ายๆ โดยการตอบเพียงแต่ว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”
-
ฝึกคิดแก้ปัญหา - มีการนำเรื่องต่างๆ มาอภิปราย พูดแสดงความเห็น หรือเหตุผลที่เหมือนกัน หรือแตกต่างกัน
-
สนับสนุนให้เล่นกีฬาหรือใช้เวลาว่าง ไปสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ (เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่เพิ่งเปิดใหม่ ฯลฯ) เพื่อจะได้เป็นการเปิดหูเปิดตา
-
ควรให้ลูกได้มีโอกาส ใช้เวลาว่างอยู่กับเพื่อนๆ บ้าง เพื่อฝึกฝนการเข้าสังคม และได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ จากเพื่อนๆ
กล่าวโดยสรุป บทบาทที่คุณมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของลูก และให้กำลังใจเขา เพื่อให้เขาได้เรียนรู้วิธี ที่จะประสบสำเร็จในการเรียนนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยคุณควรจะสื่อสิ่งที่คุณอยากจะบอกกับลูก ให้เขารับรู้ในสิ่งต่อไปนี้ คือ
-
ให้ลูกได้รับรู้ เกี่ยวกับประสบการณ์ และเป้าหมายในชีวิตของคุณ ลูกไม้มักหล่นไม่ไกลต้น เด็กๆ จะซึมซับความเป็นคุณ จากการเห็น รับฟังในสิ่งที่คุณพูด คุณทำ เขาควรจะได้รับรู้ ในความพยายาม และการลงแรงกายแรงใจ ในสิ่งต่างๆ ที่คุณทำ และควรจะได้เห็นว่า คุณทำงานหนักแค่ไหน รวมทั้งการวางแผนในการทำงาน เพื่อให้งานนั้นๆสำเร็จ
-
พยายามจัดกฎเกณฑ์ และระเบียบในบ้าน ที่เหมาะสม และทุกคนร่วมมือกันในการรักษากฎเหล่านี้ได้ เด็กๆต้องการกรอบบางอย่าง ในการที่จะเรียนรู้ว่า สิ่งใดที่เขาจะคาดหวังได้ และจะมีผลออกมาอย่างไร แม้ว่าบางครั้ง เด็กๆ อาจจะต่อต้านกับการบังคับใช้กฎเกณฑ์เหล่านี้บ้าง แต่เป็นวิธีหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ จะสามารถฝึกลูกให้เข้าใจการ ปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และเคารพกฎในบ้าน ก่อนที่ตนเองจะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก
-
ควรหัดให้ลูกหัดคิดถึงอนาคตของเขาบ้าง เด็กๆ ต้องการการฝึกให้คิดถึงเรื่องต่างๆ ของเขาในอนาคต อย่างที่มีพื้นฐานในความเป็นจริงของครอบครัว และคาดหวังในสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ในอนาคต ซึ่งเขาควรที่จะได้รับรู้ว่า สิ่งที่เขาคาดหวังไว้จะได้สำเร็จสมดังหวังหรือไม่ เขาควรจะได้มีส่วนร่วม ในการวางแผนอนาคต และตัดสินใจในบางเรื่อง เช่น ถ้าเขาต้องการทำการบ้านให้เสร็จเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวชายทะเลในช่วงวันหยุดพิเศษ สุดสัปดาห์ เขาอาจจะต้องยอมอดเล่นบอล หรืออดดูทีวี เพื่อจะได้ทำการบ้านได้จนเสร็จ ฯลฯ (สอนให้รู้จัก “ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน” หรือ "รู้คุณค่าแห่งการรอคอย")
พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์
คลินิกเด็ก.คอม