รักลูกมากกกกก...จะให้ดนตรีอะไรกับลูกดี?
เมื่อพ่อแม่ เสียสละเวลาเพื่อลูก พาลูกไปเรียนดนตรี แต่กลับให้เรียนในลักษณะของกระบวนการ มากกว่าที่จะให้ลูก ได้สัมผัสกับดนตรีโดยตรง มีวิธีเดียวที่จะทำให้ลูกติดดนตรีไปจนโตได้ จะต้องให้เขาเรียนปฏิบัติจริง เรียนเป็นเพลง ๆ ไป ให้จำได้ทีละเพลง พูดง่าย ๆ คือ เรียนดนตรีโดยการต่อเพลง คล้าย ๆ กับการเรียนดนตรีไทย ดนตรีไทยจะเรียนโดยวิธีต่อเพลงโดยครู หรือพ่อแม่ ปู่ยา ตายาย ฯลฯ นักดนตรีไทยที่เก่ง ๆ เช่น ชัยยุทธ โตสง่า แห่งวง บอยไทย ก็เก่งมาได้จากวิธีการนี้ นักดนตรีเอกของโลก ได้แก่ โยฮัน เซบาสเตียน บ้าค ในยุค บาโร้ค เรียนเปียโนจากการ จดจำพี่ชายเล่น จนในที่สุดเล่นได้เก่งกว่าพี่ชาย ดังนั้น ถ้าจะให้ลูกเรียนดนตรี จงให้เขาเล่นเพลงไปเลย อย่ารอเรียน เบสิค มันเสียเวลา และน่าเบื่อ ในอนาคต ถ้าเขาต้องการเรียนเพิ่มความรู้ให้สูงขึ้น ก็ค่อยไปสนับสนุนอีกครั้งหนึ่ง เด็กเล็ก ๆ ถ้าเรียนดนตรีไทย ควรเรียนเครื่องตี เช่น ขิม ระนาด เพราะการฝึกไม่มีเงื่อนไขอะไรมาก และที่สำคัญ อย่าเก็บเข้าที่ ให้ตั้งวางเครื่องดนตรีนั้น ๆ ไว้ตรงจุดทึ่เขาชอบไปอยู่ พร้อมที่จะเล่นได้ทันที ข้อแนะนำ ถ้ามีเวลาพาลูกไปเรียนดนตรี ควรปฏิบัติดังนี้
1.อย่ารีบซื้อเครื่องดนตรี เพราะเด็กจะชินตา การเรียนจะไม่ตื่นเต้นพอลูกเล่นได้สักเพลงหรือสองเพลง ค่อยซื้อ แต่อย่าซื้อของแพง เอาไว้พอเขาเก่งขึ้น ค่อยให้เป็นรางวัลอีกครั้ง
2.เด็กเล็ก ๆ เมื่อเรียนดนตรี ควรให้เรียนด้วยความต้องการของเขาเอง อาจมีความสนใจสั้น แค่ 2 - 3 นาที ครูต้องหาของเล่นให้เล่นสลับกันไปกับการเรียน พ่อแม่ก็อย่าไปว่าครูว่าเขาอู้ เพราะเด็กโดยธรรมชาติมีความสนใจสั้น
3.พ่อแม่ต้องหวังสูงไว้เสมอว่า ลูกจะต้องเล่นดนตรีจนถึงวัยรุ่น ดังนั้น การจูงใจทุกรูปแบบ การใช้จิตวิทยา การเสริมแรงด้วยรางวัล ล้วนทำให้ลูกติดดนตรีจนโต สามารถหลุดรอดจากสังคมที่สุ่มเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
4.อย่าลืมหาเวทีให้ลูกโชว์บ่อย ๆ แม้ว่าจะต้องเหน็ดเหนี่อยบ้าง แต่รับรองว่าคุ้มค่าในอนาคต
จะให้ลูกเรียนอะไรดี
1.ดนตรีไทย ควรเลือก -ขิม -ระนาด
2.ดนตรีสากล ควรเลือก -เปียโน ( ที่สร้างเสียงโดยการเคาะลงบนคีย์บอร์ด ) -ไวโอลิน ( อาจยากในช่วงแรก ๆ แต่จะเป็นผลดีในภายหลัง )
หมายเหตุ เครื่องดนตรีอื่น ๆ ก็สามารถเลือกเล่นได้ แต่ที่แนะนำแค่ 2 ประเภท ก็เพื่อให้มีทางเลือกที่ง่ายขึ้น ส่วนข้อมูลที่นำมาแนะนำนี้ ยังไม่ถือเป็นข้อยุติ เพราะเป็นเพียงการเก็บข้อมูลจากเหตุการณ์จริงในแวดวงของการเรียนการสอนดนตรีโดยทั่ว ๆ ไป ทางเลือกของการเรียนดนตรีของเด็กเล็ก ๆ พ่อแม่ต้องศึกษาจิตวิทยาเด็กไปด้วย โดยเข้าไปอ่านเว็บไซด์ที่เกี่ยวกับ ดนตรี พัฒนาการเด็ก
กรณีศึกษา ครอบครัวหนึ่ง มีลูกสาว 1 คน พ่อเป็นครูสอนดนตรี แม่เป็นครูอนุบาล พ่อสอนดนตรีให้ลูกด้วยตัวเองตั้งแต่ 8 ขวบ ( ถือกันว่า อายุ 8 ขวบเป็นช่วงของการเริ่มต้นดนตรีได้ดีที่สุด ) ไม่สอนโน้ตหรือเบสิค แต่ให้เรียนเปียโนโดยสอนเพลง Turkish march ของ Mozart โดยวิธีให้จำไปทีละห้อง ไม่ได้รีบร้อน
ขณะที่ดำเนินการสอนอยู่นั้น ผู้เป็นแม่รู้ถึงระยะความสนใจของเด็กรุ่นนี้ว่า สั้นมาก จึงวางเปียโนไว้ตรงทางเดินที่ทุกคนต้องผ่าน เปิดสวิทซ์ไว้ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในบ้าน แม่ทำเป็นอยากเรียนบ้าง พ่อก็มาสอนให้ แต่ในขณะที่สอน แม่ก็ทำเป็นเล่นไม่ได้ ท้าให้ลูกมาแข่งกับแม่
เกิดการต่อสู้กันระหว่างแม่กับลูก พอแม่นั่งเล่นเปียโนได้สักพักหนึ่ง ลูกก็จะมาร่วมแจมด้วยเสมอ
เริ่มใช้จิตวิทยาการเสริมแรงด้วยการให้คำชมเชยในครั้งแรกที่ลูกเล่นได้คล่องแคล่ว การเรียนดำเนินไปอย่างน่าสนใจ
วันหนึ่ง เด็กน้อยเล่นจบเพลง สร้างความประหลาดใจให้ผู้พบเห็น ที่เด็กตัวนิดเดียวสามารถเล่นเพลงดังกล่าวได้อย่างคล่องแคล่ว ความเร็วของนิ้วสูงมาก
ปัจจุบัน คุณแม่ยังเล่นเปียโนไม่ได้เลย แต่คุณลูกเป็นครูสอนเปียโนไปแล้ว
ขอขอบคุณ บทความดีๆจาก จั๋งหนับดอทคอม