การดูแลลูกแฝด
ในปัจจุบันนี้จะเห็นว่า มีหลายครอบครัวที่มีลูกแฝดกันมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะเป็นจาก การตั้งครรภ์แฝดแบบธรรมชาติ และการตั้งครรภ์แบบที่อาศัย เทคโนโลยีการเจริญพันธ์เข้าช่วย ทำให้คุณแม่หลายคน ต้องกลายเป็นแม่ลูกสอง หรือลูกสาม ไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว สำหรับลูกแฝดที่เกิดเองตามธรรมชาติ อาจเป็นแบบ แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ซึ่งจะมีส่วนของพันธุกรรมต่างๆเหมือนกัน จะมีเพศเดียวกัน และมีความเหมือนกันอย่างมาก และแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันได้ในพันธุกรรม เพราะเป็นเหมือนพี่น้อง ที่เกิดการปฎิสนธิและเติบโตมาพร้อมกันเท่านั้น และอาจเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศกันก็ได้ มีความละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่จะมีความแตกต่างกันให้พอเห็นได้อย่างง่ายๆ
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งทราบว่า ตนเองกำลังจะมีลูกแฝดได้รู้สึกคือ ความปิติยินดีที่ได้มีลูกพร้อมกันทีเดียวสองหรือสามคน แต่ที่แน่ๆ คือความเหนื่อย และเวลาที่จะต้องใช้ ในการดูแลลูกแฝดนั้น มากกว่าสองเท่าแน่นอน
การตั้งครรภ์แฝดนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาการคลอดก่อนกำหนด และทารกอาจจะไม่แข็งแรง มีน้ำหนักน้อย ทำให้ต้องอยู่ในตู้อบ และต้องการประคบประหงมอย่างใกล้ชิด ดังนั้นการฝากครรภ์ และการดูแลตนเองของคุณแม่ ตามคำแนะนำของสูติแพทย์นั้นสำคัญมาก เพื่อให้ทารกที่จะเกิดมามีสุขภาพที่แข็งแรง
ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกแฝดนั้น ก็มีมากขึ้น นอกจากค่าใช้จ่ายเรื่อง ค่านม, ค่าผ้าอ้อม แล้วยังมีค่าใช้อื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก เพราะคุณอาจจะต้องมี พี่เลี้ยงเด็กอย่างน้อย 2 คน, ต้องการพื้นที่ในบ้านมากขึ้น, อาจต้องการรถคันใหญ่ขึ้น ฯลฯ หรือแม้แต่ว่าคุณแม่เองอาจต้องเสียสละ ออกจากงานมาอยู่บ้าน เพื่อดูแลลูกแฝดอย่างเต็มตัว
ซึ่งเรื่องเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะปรึกษา และวางแผนเรื่องต่างๆเหล่านี้ไว้บ้าง ก่อนที่ลูกแฝดจะเกิดมา
ในช่วงหลังคลอด คุณแม่ลูกแฝด อาจจะเกิดความรู้สึกซึมเศร้า ( depression) ได้ง่าย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนหลังคลอด รวมทั้งความเหนื่อยล้าจากการตั้งครรภ์ และการคลอด การเลี้ยงดูลูก เนื่องจากเด็กทารกจะต้องการเวลาในการป้อนนม และทำความสะอาดเปลี่ยนผ้าอ้อม ฯลฯ มากพอควร ยิ่งเป็นลูกแฝด คุณแม่จะยิ่งรู้สึกว่าทำไม่ทัน และไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย จึงอาจเกิดความรู้สึกผิดในใจ (guilty) ที่ตนเองไม่สามารถดูแลลูก และให้เวลาแก่ลูกได้มากๆ อย่างที่ตนเองต้องการ และเกิดความเครียดขึ้น โดยเฉพาะในเวลาที่เด็กร้องกวน งอแง หรือป่วยไข้ขึ้น
มีหลายการศึกษาที่พบว่า ในครอบครัวที่มีลูกแฝด จะพบว่า มีปัญหาความเครียด การทะเลาะ ไม่เข้าใจกัน ในระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ ค่อนข้างสูง รวมไปถึงการหย่าร้างด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ และช่วยเหลือกันในการดูแลลูกแฝด ในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น ควรพยายามปรึกษา หาความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ เช่น ญาติสนิท เพื่อน และกุมารแพทย์ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งสอง สามารถปรับตัวเข้าหากัน และมีความสุขในการเลี้ยงดูลูกแฝดที่กำลังน่ารักและเป็นแก้วตาขวัญใจของคุณทั้งสอง
การป้อนนม ในช่วงแรกอาจจะขลุกขลักมากพอควร แม้ว่าคุณแม่อาจจะไม่มีนมแม่มากพอ ที่จะป้อนลูกได้ตลอดเวลา และอาจจะต้องใช้นมผสมเสริมบ้าง แต่คุณควรพยายามที่จะให้นมแม่ให้มากที่สุดในช่วงเดือนแรกๆของลูก โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกเกิดก่อนกำหนด น้ำนมแม่ก็ยิ่งมีความสำคัญ เนื่องจากธรรมชาติจะเตรียมให้น้ำนมของแม่ที่คลอดลูกก่อนกำหนด มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นพิเศษ สำหรับทารกก่อนกำหนด ทำให้ได้ทั้งภูมิคุ้มกันสำหรับป้องกันโรค และสารอาหารที่เหมาะสม ในกรณีที่ทำไม่ได้ ทางแพทย์ผู้ดูแล ก็อาจจะแนะนำให้ใช้นมผสมสูตรพิเศษสำหรับทารกแรกเกิดก่อนกำหนด ไปจนกว่าเด็กจะเจริญเติบโตเข้าตามเกณฑ์อายุ
ในบางกรณีคุณอาจจะต้องทำการจดบันทึกคร่าวๆ ว่าลูกคนไหนได้รับการป้อนนมไปเมื่อไร และปริมาณประมาณเท่าไร เพื่อให้แน่ใจได้ว่า ลูกแฝดแต่ละคนได้รับการป้อนนมในแต่ละวัน ได้เพียงพอกับความต้องการของเขา
การอาบน้ำ อาจเป็นการยากที่จะอาบน้ำลูก พร้อมกันทีเดียว 2 คน คุณจึงควรจะอาบน้ำให้ลูกทีละคน เพื่อป้องกันการสำลักน้ำ และการสูญเสียความร้อนของร่างกายเด็ก แต่ถ้ามีคนช่วย ก็จะทำให้การอาบน้ำทำได้โดยง่าย และเสร็จเร็วขึ้น จนกว่าเด็กจะโตมากขึ้น จนพอจะนั่งเองได้ในอ่างอาบน้ำ จึงอาจจะอาบน้ำพร้อมกัน และได้มีโอกาสเล่นน้ำกันสนุก
การแต่งตัว แม้ว่าอาจจะดูน่ารักที่จะแต่งตัวลูกแฝดให้ดูเหมือนกัน แต่ในแง่ของการดูแลเด็กแล้ว คุณอาจจะต้องใช้ สีเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน ใส่กำไลข้อเท้าคนละข้าง เพื่อให้คุณรู้ว่า ลูกคนไหนเป็นคนไหน
แต่พอลูกอายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว คุณควรจะแต่งตัวลูกแต่ละคนให้แตกต่างกัน เพื่อให้เด็กได้รู้สึกถึงความเป็นตัวตนของเขา (unique identities) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละคน แม้ว่าจะเป็นแฝด ที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันก็ตาม
ข้อแนะนำในการเลี้ยงดูลูกแฝด
ควรนึกไว้เสมอว่า ลูกแต่ละคนเป็นตัวของเขาเอง แม้ว่าจะเป็นลูกแฝด เกิดมาพร้อมๆ กันก็ตาม ซึ่งคุณควรที่จะช่วย ให้การพัฒนาการของลูกแต่ละคน เป็นไปตามความสามารถของเขา อาจจะเป็นการยาก ที่จะไม่เปรียบเทียบ ระหว่างเด็กแต่ละคน แต่คุณเองก็จะต้องคอยเอาใจใส่ สำหรับลูกแต่ละคน และยอมรับในความแตกต่างกันบ้างในเชิงพัฒนาการของลูก ไม่ควรจะเครียดและพยายามเร่งให้ลูกคนที่ช้ากว่า ทำในสิ่งที่ตนเองยังไม่พร้อม หรือทำยังไม่ได้ เพราะนอกจากจะทำให้เด็กเกิดความเครียดไปกับคุณด้วยแล้ว ยังอาจทำให้ลูกเกิดความรู้สึกว่า ตนเองด้อยกว่าอีกคนหนึ่ง
คุณควรจะให้เวลาให้เด็กแต่ละคน ได้พัฒนาไปตามแบบของตนเอง เพราะไม่ว่าคุณจะทำอย่างไรก็ตาม เด็กเองก็จะมีการมองสังเกตเด็กอีกคนหนึ่ง และเอาอย่างกันเองอยู่แล้ว ในกรณีที่คุณไม่แน่ใจว่า การพัฒนาการของลูกคนหนึ่งที่ดูช้ากว่าอีกคนหนึ่งนั้น ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ ควรปรึกษากุมารแพทย์ผู้ดูแลเด็ก เพราะคุณพ่อคุณแม่เอง อาจได้มีโอกาสสังเกตการณ์ ที่ดี เนื่องจากมีเด็กในวัยเดียวกัน และเกิดมาในสภาพแวดล้อมเดียวกันให้เปรียบเทียบ ทำให้คุณเองอาจจะสามารถพบ ความผิดปกติในลูกคนหนึ่งได้เร็วกว่า
คุณควรจะ
-
1. ตั้งชื่อจริง และ ชื่อเล่น ให้แตกต่างกัน
-
2. เรียกชื่อของเขาเสมอ ในเวลาที่พูดกับเขา หรือพูดถึงเขา แต่ละคน
-
3. พยายามแต่งตัวลูกแต่ละคน ให้แตกต่างกัน เมื่ออายุของลูกโตขึ้น ( ควรเริ่มอย่างช้า ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป)
-
4. ให้เด็กได้มีของเล่นของเขาเอง และมีลิ้นชักเก็บของ และ เสื้อผ้า ของเขาเอง
-
5. ในการซื้อของขวัญ หรือของใช้ของเขา ก็ควรที่จะให้เป็นของของแต่ละคนไป เช่นในการจัดเค้กวันเกิด ก็ควรจะให้เค้ก คนละชิ้น ฯลฯ
-
6. ควรสนับสนุนให้เด็กแต่ละคนทำกิจกรรมหรือเล่นต่างๆที่ตนเองชอบ เมื่อโตขึ้น โดยไม่ต้องให้ทำอะไรพร้อมกันเหมือนกันเสมอ
-
7. คุณควรจะหาเวลาให้คุณได้อยู่กับลูกแต่ละคน ( พูดคุย หรือ ทำกิจกรรมง่ายๆร่วมกัน) ในแต่ละวัน เพื่อที่ลูกจะได้รู้สึกว่า คุณเอาใจใส่เขา และรู้สึกถึงความรักความผูกพันที่คุณมีต่อเขา
-
8. เมื่อถึงวัยเข้าเรียน คุณควรให้ลูกแฝดได้เข้าเรียนอยู่ต่างห้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเปรียบกัน และได้มีโอกาสเป็นตัวของตัวเอง มีความคิด และการแสดงออกได้อย่างอิสระของเขาเอง
ขอให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกแฝด ได้มีความสุข และสนุกกับการเลี้ยงลูก และอย่าลืมถึงการดูแลตนเอง เช่น การมีเวลาให้แก่กันและกันสองต่อสองของคุณเอง, การช่วยเหลือกันและกัน, หาเวลานอนพักผ่อนให้พอเพียง, คุณควรจะมีอารมณ์ขัน และมีเวลาส่วนตัวของคุณเองบ้าง, เพราะถ้าคุณมีความสุขด้วยกันมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ครอบครัวของคุณ มีความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น
พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์
คลินิกเด็ก.คอม